พาส่อง 3 ทริค 'คนโดะ' บ้านเองง่าย ๆ พร้อมเลือกของแต่งบ้านให้มินิมอล
พาส่อง 3 ทริคจัดบ้านสไตล์ ‘มาริเอะ คนโดะ’ พร้อมเคล็ดลับเลือกของแต่งบ้าน
เวลาจัดบ้านทุกคนนึกถึงอะไร?
บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะต้องเสียเวลามานั่งเปื้อนฝุ่น และยังต้องมานั่งคัดของทีละชิ้น แต่สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว ‘การจัดบ้าน’ ถือเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยปรับบ้านให้ดูสะอาดเป็นระเบียบ แถมยังช่วยปรับชีวิตให้ดูไม่ยุ่งเหยิง และพร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ จากบ้านได้ทุกวัน
และเพื่อช่วยให้ทุกคนได้เพิ่มแรงบันดาลใจให้ทุกมุมของบ้าน พร้อมปรับบ้านให้ดูสะอาดตา เป็นระเบียบ และสดชื่นทุกครั้งที่ได้มอง วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับ 3 ทริคการจัดบ้านสไตล์ ‘KonMari’ ของราชินีนักจัดบ้านอย่าง ‘มาริเอะ คนโดะ’ กัน บอกเลยว่าทำง่าย ใช้อุปกรณ์และของแต่งบ้านน้อยไม่ยุ่งยาก แต่สามารถช่วยปรับลุคให้บรรยากาศภายในบ้านดูสะอาดตา เรียบง่าย และยังเน้นการใช้สอยที่เหมาะสมกับทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง หากนักแต่งบ้านคนไหนอยาก ‘คนโดะ’ บ้านตัวเองแล้ว มาลุยไปพร้อมกันเลย!
ทริคที่ 1 : วางแผนก่อนจัด
หากพูดถึงเทคนิคการจัดบ้าน แน่นอนว่าชื่อของ ‘มาริเอะ คนโดะ’ ต้องเป็นอีกหนึ่งชื่อที่ใคร ๆ ต้องร้องอ๋อพอ ๆ กับการเข้ากลุ่มงานบ้านที่รัก เพราะนอกจากจะมีรายการบน Netflix เป็นของตัวเองแล้ว ‘คนโดะ’ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีนักแต่งบ้านที่นิตยสาร TIME ยกย่องให้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอีกด้วย ซึ่งหลักการจัดบ้านของ ‘คนโดะ’ นั้นจะต้องเริ่มจากการปรับ Mindset พร้อมวางแผนก่อนจัดให้เป็นระบบเสียก่อน
ปรับ Mindset ได้ การจัดบ้านก็สนุกขึ้น!
ในขั้นตอนแรกของการจัดบ้านแบบ ‘KonMari’ นั้น มาริเอะจะไม่ได้ให้ความสำคัญถึงที่เก็บของ หรือของแต่งบ้านเป็นลำดับแรก แต่จะเน้นไปที่การนั่งคุยเพื่อปรับ Mindset ให้ได้ว่า จริง ๆ แล้ว การจัดบ้านนั้นไม่ใช่ภาระ แต่เป็น ‘วาระพิเศษ’ เหมือนงานวันเกิดหรือวันสำคัญในชีวิต ซึ่งลองคิดดูง่าย ๆ หากเราคิดว่าการจัดบ้านเป็นภาระเมื่อไหร่ นอกจากจะเหนื่อยง่ายและหมดไฟไปดื้อ ๆ แล้ว การจัดบ้านก็จะไม่สนุกและอยากโยนของทุกชิ้นลงถุงดำไปให้จบ ๆ ดังนั้น เพื่อทำให้รู้สึกสนุกและช่วยให้การจัดบ้านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมปรับจูนความคิดของตัวเองก่อนด้วยนะ
วางแผนจัดบ้านอย่างมีหลักการ
เมื่อปรับ Mindset และความรู้สึกของเราที่มีต่อการจัดบ้านได้แล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อมา คือ การมานั่งวางแผนเพื่อจัดบ้านให้เป็นระบบและคุ้มค่าต่อเวลามากที่สุด โดยการจัดบ้านแบบ ‘KonMari’ จะเน้นการจัดบ้านให้เสร็จรวดเดียวภายในหนึ่งวัน เพราะ ‘คนโดะ’ เชื่อว่าหากค่อย ๆ ทยอยจัดบ้านไปเรื่อย ๆ นั่นก็เท่ากับว่าเราต้องจัดบ้านไปทั้งชีวิต แต่ถ้าหากทำให้เสร็จวันเดียว เราจะสร้างความแตกต่างให้กับบ้านอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ การวางแผนจัดบ้านแบบ ‘KonMari’ ยังต้องเน้นการจัดบ้านแบบหมวดหมู่แทนการจัดเป็นห้อง ๆ ไป เพราะถ้าหากเราจัดบ้านแบบเป็นหมวดหมู่เมื่อไหร่ เราก็จะสามารถลดปัญหาการเก็บของไว้หลาย ๆ ที่จนสุดท้ายก็ทำให้บ้านไม่มีระเบียบ และสร้างความยุ่งยากจนทำให้ต้องจัดหลาย ๆ ครั้งก็เป็นได้
ทริคที่ 2 : เรียงลำดับของในการจัด
เมื่อรู้แนวทางการจัดบ้านแบบ ‘KonMari’ แล้ว ก่อนที่จะเดินหน้าไปซื้อของแต่งบ้าน หรือชุดตู้เก็บของมาเพื่อเก็บบ้านแบบ ‘คนโดะ’ เราอยากขอคั่นรายการสั้น ๆ ก่อนว่า จริง ๆ แล้ว การจัดบ้านแบบ KonMari นั้นจะไม่ได้มีแค่การจัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการคัดของออกเพื่อจัดสรรพื้นที่ในบ้านให้ลงตัวและมีประโยชน์สูงสุดอีกด้วย ซึ่งการจะจัดสรรพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เคล็ดลับจึงอยู่ที่การแบ่งหมวดหมู่สิ่งของในการจัด จากนั้นจึงเลือกหากล่อง ชุดตู้เก็บของ ที่วางของติดผนัง หรือของแต่งบ้านมาเพื่อช่วยให้เราจัดการพื้นที่ได้อย่างเป็นระบบมากกว่า ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า การจัดบ้านแบบ ‘คนโดะ’ จะไม่ใช่การจัดเป็นห้อง ๆ แต่จะแบ่งการจัดออกเป็นหมวดหมู่ ดังนั้น การเรียงลำดับสิ่งของในการจัด ก็จะเน้นการจัดแบบเป็นหมวดหมู่ด้วยเช่นกัน โดยจะมีการเรียงลำดับดังนี้
1. เสื้อผ้า
รู้หรือไม่? เสื้อผ้านั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในการจัดบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะบางครั้งเสื้อผ้าบางตัวก็อาจทำให้เรารู้สึกเสียดาย จนสุดท้ายก็ไม่ได้ทิ้งและทำให้บ้านดูรกไม่มีเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ‘คนโดะ’ จึงแนะนำให้ทุกคนนำเสื้อผ้าทั้งหมดออกมากองรวมกัน จากนั้นก็ทำการคัดเสื้อผ้าโดยการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เสื้อผ้าชิ้นนี้ทำให้เราชื่นใจไหม” ถ้าไม่ก็ให้บอกขอบคุณเสื้อผ้าชิ้นนั้นในใจ จากนั้นก็คัดไว้เพื่อบริจาคหรือจะทิ้งไปก็ตามแต่
และเมื่อเหลือเฉพาะแค่เสื้อผ้าที่เราใส่และทำให้รู้สึกชื่นใจได้จริง ๆ เราจึงหากล่องที่เป็นของตกแต่งห้องได้ หรืออาจเป็นชุดตู้เก็บของที่มีลิ้นชักเพื่อพับเสื้อผ้าเหล่านั้นเก็บลงไป โดยการพับนั้นก็ให้พับเพื่อเอาสันเสื้อขึ้น ซึ่งการเอาสันขึ้นนั้นนอกจากจะทำให้ดูสะอาดตาและเป็นระเบียบแล้ว กองผ้ายังมีสิทธิ์ล้มยากมากด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพับทุกตัว เพราะถ้าหากรู้สึกว่าเสื้อผ้าตัวไหนควรแขวนก็ให้แขวนเอาไว้แทน
2. หนังสือและเอกสาร
การจัดการหนังสือและเอกสารนั้นมีขั้นตอนที่ง่ายกว่าการจัดการเสื้อผ้า โดยการจัดบ้านสไตล์ KonMari นั้นจะแนะนำให้เราเลือกเฉพาะหนังสือที่อยากอ่านจริง ๆ เท่านั้น เพราะลองคิดดูง่าย ๆ หากเราเก็บหนังสือเอาไว้เรื่อย ๆ เพราะคิดว่าสุดท้ายจะอ่าน ลองกลับมาถามตัวเองอีกรอบว่า จริง ๆ แล้วเราจะอ่านหนังสือเล่มนั้นไหม แน่นอนว่าหลายคนก็คงไม่ได้อ่าน ดังนั้น ถ้าเก็บไว้แล้วไม่ได้ประโยชน์ก็ให้ส่งต่อให้คนที่ต้องการใช้ก็น่าจะดีกว่า ซึ่งการจัดเก็บหนังสือนั้นควรจะเป็นการจัดเข้าตู้เก็บของให้เป็นระเบียบ และอยู่ในที่ที่เรามองเห็นได้ ซึ่งบางบ้านอาจเลือกใช้ที่วางของติดผนังเป็นชั้นวางหนังสือเล็ก ๆ ที่จะอ่านจริง ๆ ได้
นอกจากหนังสือแล้ว เอกสารต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องจัดการเช่นกัน โดยการจัดการเอกสารนั้น มาริเอะจะแนะนำให้เราทิ้งเอกสารทุกชิ้นที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตไปให้หมด เพราะถ้ามัวแต่เก็บเอกสารเอาไว้ นอกจากจะเสียพื้นที่ในบ้านไปจากการเก็บเอกสารแล้ว หากวันไหนจำเป็นต้องใช้ขึ้นมา เราก็จะเสียเวลาในการหาแทน ดังนั้น เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและพื้นที่ก็ทิ้งเอกสารที่ไม่จำเป็นไปให้หมด
3. ของจิปาถะ
หากจัดการเอกสารหมดแล้ว ทีนี้ก็ลองมาจัดการกับสารพัดของจิปาถะให้หมด โดยของจิปาถะนี้จะเป็นของเหลือใช้ เช่น กล่องกระดาษต่าง ๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว เป็นต้น ซึ่งวิธีการจัดการก็คล้าย ๆ กับของประเภทอื่น ๆ ที่จะต้องนำทุกอย่างออกมาวางรวมกันเพื่อดูว่าชิ้นไหนได้ใช้ประโยชน์ ชิ้นไหนทำให้ชื่นใจ และชิ้นไหนทำให้รู้สึกไม่ชื่นใจบ้าง
และหลังจากคัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาริเอะยังแนะนำต่อว่า ในครั้งต่อ ๆ ไป ถ้าไม่อยากให้ของจิปาถะล้นเต็มบ้านจนทำให้ไม่เหลือพื้นที่ใช้สอย พยายามอย่าตกเป็นเหยื่อของคำว่า ‘SALE’ หรือ ‘ลดราคา’ เป็นอันขาด เพราะหากเราใจอ่อนและซื้อของลดราคามากองไว้ที่บ้าน นอกจากจะเสียพื้นที่เก็บของเหล่านี้โดยที่ยังไม่ใช้ประโยชน์แล้ว ของที่เพิ่งซื้อมาใหม่ก็อาจสร้างภาระในการจัดบ้านให้ในครั้งต่อ ๆ ไปได้ ดังนั้น พยายามเลือกซื้อเฉพาะของที่ ‘จะใช้’ และ ‘จำเป็น’ เท่านั้น
4. ของที่มีคุณค่าทางใจ
และเมื่อจัดการของทุกสิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาในการจัดของที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างจดหมาย รูปถ่าย การ์ด และสารพัดของที่ระลึกที่มีผลต่อความทรงจำ ซึ่งการจะจัดการของเหล่านี้ได้นั้น มาริเอะแนะนำว่าให้เลือกเก็บเฉพาะของที่สะท้อนให้เห็นภาพความทรงจำที่ชัดที่สุดแทน เพราะสุดท้ายตัวเราก็สามารถจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้จากการดูของเหล่านี้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และเมื่อเลือกได้แล้วก็ให้เก็บของเหล่านี้ลงกล่อง หรือใครจะดัดแปลงมาเป็นของแต่งบ้านก็ทำได้เช่นกัน
ซึ่งถ้าหากใครกำลังรู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยของเหล่านี้ไปได้ล่ะก็ มาริเอะก็ขอแนะนำให้เราลองกลับมามองตัวเองในปัจจุบัน และเลือกที่จะให้ความสำคัญกับตัวเองในขณะนี้มากกว่า ดังนั้น หากอะไรผ่านเลยไปแล้ว เรามีความรู้สึกขอบคุณและชื่นใจกับมันแล้ว การจะปล่อยอดีตที่มีคุณค่าทางใจออกไป และเลือกเก็บสิ่งที่มีคุณค่าทางใจจริง ๆ เอาไว้ก็จะช่วยให้เราปล่อยวาง อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น และสุดท้ายก็ปล่อยสิ่งของเหล่านั้นไปได้โดยไม่รู้สึกผิดนั่นเอง
ทริคที่ 3 : เลือกชั้นและกล่องเก็บของให้เหมาะกับพื้นที่
เมื่อจัดการของแต่ละประเภทได้แล้ว สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำก็คงหนีไม่พ้นการหาพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ซึ่งสำหรับการจัดบ้านแบบ KonMari นั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการจัดของทุกชิ้นให้อยู่ในลักษณะแนวตั้ง เช่น การพับเสื้อขึ้นเป็นแนวตั้ง หรือพับเสื้อเก็บไว้ในลิ้นชักเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบและเลือกใช้งาน ดังนั้น ชุดตู้เก็บของที่เหมาะต่อการจัดเก็บเสื้อผ้านั้นจะควรจะเป็นตู้ที่มีชั้นที่ค่อนข้างกว้าง หรืออาจเลือกเป็นตู้เก็บของที่มีลิ้นชักเพื่อช่วยให้สามารถเก็บเสื้อผ้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
แต่ถ้าหากเป็นสิ่งของจิปาถะ เอกสาร หรือของที่มีคุณค่าทางจิตใจก็ควรเลือกเป็นกล่องทึบมีฝาปิด หรืออาจเลือกกล่องที่มีลวดลายสวยงามเพื่อทำเป็นของตกแต่งห้องเพิ่มเติมได้ จากนั้นก็ให้ติดฉลากเพื่อบอกประเภทของสิ่งของแทนและเมื่อได้ภาชนะเก็บของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการเก็บอย่างเป็นระเบียบ ควรงดเว้นการวางไว้หลังตู้ เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกว่าบ้านแคบ รวมถึงอาจทำให้มีฝุ่นและทำความสะอาดได้ยากกว่าเดิม ดังนั้น ควรเลือกหาชุดตู้เก็บของ หรือที่เก็บของโดยเฉพาะ เพื่อให้รู้สึกสบายตา และช่วยให้การทำความสะอาดบ้านง่ายกว่าเดิม
นอกจากจะเลือกภาชนะในการเก็บของประเภทต่าง ๆ แล้ว ทุกคนที่จัดบ้านแบบ KonMari ยังสามารถเลือกชั้นเก็บของที่เน้นการใช้สอยที่หลากหลาย เช่น สามารถเก็บของได้หลายประเภทโดยไม่ทำให้รก ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของที่สามารถปิดได้มิดชิด หรืออาจจะเลือกเป็นที่วางของติดผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ในบ้าน ก็ได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องการให้บ้านดูสะอาดตาเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งนั้น เราหวังว่าทั้ง 3 ทริคที่นำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้ทุกคนได้จัดบ้านอย่างมีหลักการ ลดของที่ไม่จำเป็นเพื่อช่วยให้บ้านดูสะอาด เรียบง่าย และเน้นประโยชน์ใช้สอยได้อย่างแท้จริง อย่าลืมชวนคนในบ้านมาจัดบ้านพร้อมกันด้วยนะ และขอให้สนุกกับการจัดบ้านครั้งนี้ด้วย!