เรื่องของที่นอน เป็นเรื่องที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะคนเราใช้เวลากับการนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นเวลา 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวัน เคยไหมที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดหลัง หรือนอนหลับไม่สนิทติดๆ กันหลายคืน จนเกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือบางคนถึงกับกระดูกสันหลังมีปัญหาระยะยาวก็มีให้เห็นมาแล้ว สาเหตุเหล่านี้อาจเกิดจากที่นอนที่เราใช้นอนอยู่ทุกคืนก็เป็นได้

" />

ที่นอนแบบไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณ หลับสบายไม่ปวดหลัง เรามีคำตอบให้

ที่นอนแบบไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณ หลับสบายไม่ปวดหลัง เรามีคำตอบให้

ที่นอนแบบไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณ หลับสบายไม่ปวดหลัง เรามีคำตอบให้

เรื่องของที่นอน เป็นเรื่องที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะคนเราใช้เวลากับการนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นเวลา 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวัน เคยไหมที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดหลัง หรือนอนหลับไม่สนิทติดๆ กันหลายคืน จนเกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือบางคนถึงกับกระดูกสันหลังมีปัญหาระยะยาวก็มีให้เห็นมาแล้ว สาเหตุเหล่านี้อาจเกิดจากที่นอนที่เราใช้นอนอยู่ทุกคืนก็เป็นได้ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเลือกที่นอนที่สามารถสร้างทั้งความสบาย รองรับสรีระที่เหมาะสม เป็นมิตรต่อกระดูกสันหลังและสุขภาพของเรา แต่ที่นอนแบบไหนดีที่จะสามารถตอบโจทย์การนอนของคุณได้ เรามีคำตอบมาให้แล้ว

เลือกซื้อที่นอนแบบไหนดี เริ่มจากรู้จักวัสดุที่นอน

วัสดุที่มักนำมาใช้ในการทำที่นอนประกอบด้วยวัสดุ 3 ชนิดหลัก ได้แก่ สปริง (Spring), ฟองน้ำ (Foam) และ ยางพารา (Latex) ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นจุดด้อย ความสบาย และราคาที่แตกต่างกันออกไป ใครที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกที่นอนแบบไหนดี ลองมาดูกันก่อนว่าวัสดุแบบไหนที่เหมาะกับความชอบของคุณ

ที่นอนแบบสปริง(SPRING)

ที่นอนแบบสปริงจะให้ความยืดหยุ่นสูง รองรับน้ำหนักได้มาก มีด้วยกันหลายประเภท ได้แก่

สปริงหัวกลม (Bonnel Spring) - เป็นสปริงที่ได้รับความนิยมและใช้งานอย่างแพร่หลาย หัวด้านบนและด้านล่างเป็นลักษณะกลมคล้ายนาฬิกาทราย จุดเด่นของที่นอนที่ใช้สปริงหัวกลมคือความยืดหยุ่น แข็งแรง รองรับน้ำหนักและระบายอากาศได้ดี อีกทั้งช่วยลดความอับชื้นของที่นอนได้ดี

สปริงหัวเหลี่ยม (Double Offset Spring) - โครงสร้างของสปริงหัวเหลี่ยมจะมีขดลวดขนาดใหญ่กว่าสปริงทั่วไป ทำให้ที่นอนมีโครงสร้างที่แน่นหนา สามารถรับน้ำหนักและกระจายน้ำหนักได้ดี แข็งแรงทนทาน ลดปัญหาการยุบตัวและเสียงที่เกิดจากการขยับตัว นอกจากนี้ยังระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้นของที่นอนอีกด้วย

จัดเก็บทุกช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจ

สปริงในถุงผ้า (Pocket Spring) - สปริงแต่ละลูกในถุงผ้าจะแยกกันทำงานอย่างอิสระ โดยสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น โอบรับกับสรีระ กระจายน้ำหนักได้ดี รองรับน้ำหนักได้อย่างเป็นธรรมชาติตามหลักสรีระศาสตร์ ทำให้สัมผัสที่ได้มีความนุ่มสบาย ลดแรงสั่นสะเทือนบนที่นอน ปราศจากเสียงรบกวน ระบายอากาศได้ดี

ที่นอนแบบฟองน้ำ(FOAM)

ทำมาจากฟองน้ำที่อัดแน่นมาเป็นพิเศษ ทำให้ที่นอนมีความแน่น แต่ยังสามารถยืดหยุ่น รองรับสรีระได้ดี ไม่ยุบตัว ลดอาการปวดหลัง มีด้วยกันหลายประเภท ได้แก่

ฟองน้ำอัดความหนาแน่นสูงพิเศษ (High Density Foam) - มักใช้ในส่วนล่างสุดของที่นอน เพื่อให้มีความหนาแน่นสูง ให้สัมผัสที่แน่น รองรับน้ำหนักได้เยอะ ไม่ยวบตามการกดทับ ทำให้รองรับแนวกระดูกสันหลังและการพลิกตัวได้ดี ลดอาการปวดหลัง

ฟองน้ำที่มีความนุ่มนวล (Comfort Foam) - มีความยืดหยุ่นดี รองรับสรีระให้เกิดความนุ่มสบาย โดยจะมีค่าความแน่นตั้งแต่ระดับ Soft, Medium และ Firm

ฟองน้ำรังไข่ (Egg Crate Foam) - เพิ่มความนุ่มสบายมากขึ้น มีความยืดหยุ่นดี และมีประสิทธิภาพในการระบายอากาศในตัว ทำให้ที่นอนเย็นได้เร็วขึ้น

ฟองน้ำเซาะร่องพิเศษ (Extra Posture Foam) - เป็นฟองน้ำที่ออกแบบมาเพื่อการรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าฟองน้ำทั่วไป ทำให้สัมผัสของการนอนมีความนุ่มนวลมากขึ้น รองรับน้ำหนักตามโครงสร้างแนวกระดูกสันหลังได้ดีกว่าฟองน้ำทั่วไป นอกจากนี้ยังระบายอากาศได้ดี และถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าฟองน้ำทั่วไปอีกด้วย

โฟมอ่อนนุ่มยืดหยุ่นสูง (Memory Foam) - เป็นที่นิยมในการใช้งาน สามารถรับน้ำหนักและยุบตัวตามน้ำหนักที่ต่างกันอย่างอิสระ พร้อมทั้งยังสามารถกลับคืนตัวอย่างช้าๆ ทำให้รองรับน้ำหนักได้พอดีทุกสัดส่วน มีความนุ่มมาก โอบรับสรีระได้เป็นอย่างดี บรรเทาอาการกดทับได้ดีมาก

โฟมอ่อนนุ่มยืดหยุ่นสูงผสมเจล (Gel Memory Foam) - มีคุณสมบัติเบื้องต้นเหมือนกับ Memory Foam แต่เพิ่มความเย็นสบายจากเจล ช่วยระบายความร้อนและควบคุมอุณหภูมิขณะหลับ ทำให้หลับได้ยาวนานขึ้น

ที่นอนแบบยางพารา(LATEX)

มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดหลัง รองรับการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้เพราะไม่เก็บความชื้นและฝุ่น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ   ยางพาราแบบทั่วไป (Natural Latex) - เป็นที่นอนที่ใช้ยางพาราเป็นวัสดุหลักในการผลิต จุดเด่นของที่นอนยางพารานั้นคือความนุ่มสบาย รองรับแผ่นหลังได้เป็นอย่างดี กระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล ลดแรงกดทับ ทำให้กล้ามเนื้อมีความผ่อนคลาย ยืดหยุ่น คืนตัวดี ลดปัญหาการยุบตัวของที่นอน ลดแรงสั่นสะเทือน ระบายอากาศดี ไม่สะสมความร้อน ป้องกันไรฝุนและช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี ที่นอนยางพาราแท้ 100% (Authentic Natural Latex) - ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่มีสารเคมีเจือปน มีราคาที่สูงกว่าและมีความพิเศษกว่าที่นอนยางพาราแบบธรรมดาทั่วไป ให้สัมผัสความนุ่มเด้ง ทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน คงความหนาแน่นมาตรฐานของที่นอนไว้เสมอ ไม่สะสมความร้อน นอนแล้วเย็นสบาย กระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล ลดแรงกดทับ ทำให้กล้ามเนื้อมีความผ่อนคลาย ป้องกันไรฝุนและทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี

ที่นอนแบบไหนดี ต้องดูจากอะไร

รูปร่างและน้ำหนักจากดัชนีมวลกาย (BMI) - การเลือกที่นอนที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว มีส่วนสำคัญมากในการสร้างความสบายและลดอาการปวดหลัง เราสามารถคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) โดยใช้ น้ำหนัก (กก.) หารด้วย ส่วนสูง โดยค่าที่ได้ ควรนำมาเลือกระดับความแน่นของที่นอน ดังนี้

  • รูปร่างเล็ก (BMI < 18.5) ควรเลือกที่นอนที่มีระดับความนุ่มมาตรฐานไปจนถึงปานกลาง (Soft-Medium)
  • รูปร่างสมส่วน (BMI 18.5 - 22.9) ควรเลือกที่นอนที่มีระดับความนุ่มปานกลางไปจนถึงค่อนข้างแน่น (Medium-Firm)
  • รูปร่างใหญ่ (BMI >23) ควรเลือกที่นอนที่มีระดับความนุ่มปานกลางไปจนถึงค่อนข้างแน่น (Medium-Firm)

การวางตัวของแนวกระดูกสันหลัง - โดยดูจากความโค้งเว้าของสรีระ เพื่อเลือกที่นอนที่สามารถโอบรับกับสรีระได้พอดี

  • ความโค้งเว้าของสรีระมาก ควรเลือกที่นอนที่มีระดับความนุ่มมาตรฐานไปจนถึงปานกลาง (Soft-Medium)
  • ความโค้งเว้าของสรีระน้อย ควรเลือกที่นอนที่มีระดับความนุ่มปานกลางไปจนถึงค่อนข้างแน่น (Medium-Firm)

ถ้าจะถามว่าที่นอนแบบไหนดี คงต้องตอบว่าควรเป็นที่นอนที่มีความเหมาะสมกับสรีระ ตอบรับการใช้งานได้อย่างพอดี นอนแล้วสร้างความสบาย หลับได้สนิทยาวนาน เพราะฉะนั้นที่นอนที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นที่นอนที่แพงที่สุดเสมอไป และอย่าลืมว่าแต่ละคนก็มีท่านอนสุดโปรดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาถึงนิสัยการนอนเฉพาะตัวของตัวคุณเองด้วย ไม่แน่ว่าปัจจัยเสริมนี้อาจช่วยให้คุณได้เจอที่นอนที่ใช่ ได้ลงทุนเพื่อสุขภาพ ‘หลัง’ ที่ดีของตัวเอง แถมได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพในทุกวันอีกด้วย ที่สำคัญอย่าดูแต่ตา แต่ควรทดลองนอนด้วยตัวเองอย่างน้อย 10-15 นาที ก่อนตัดสินใจซื้อที่นอน

Tips ควรเปลี่ยนที่นอนหรือยัง ?

หลายคนอาจไม่รู้ว่า... ที่นอนที่เราใช้นอนหลับพักผ่อนอยู่ทุกคืนก็มีอายุการใช้งานไม่ต่างจากเตียงนอน และสิ่งของชิ้นอื่นๆ ในบ้าน ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมที่เราควรเปลี่ยนที่นอนใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 6 ปีครึ่ง – 12 ปี หรือโดยเฉลี่ยทุกๆ 8 ปี เพราะการยุบตัวและไรฝุ่นที่สะสมอาจรบกวนการนอน หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ว่าแล้วก็ลองกลับไปสำรวจที่นอนที่บ้านของเราดูก่อนว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะเปลี่ยนที่นอนหรือยัง ?

หากคำตอบคือใช่ ที่ Index Living Mall เรามีที่นอนให้คุณเลือกหลากหลายแบบ ตอบโจทย์ด้วยวัสดุที่รองรับทุกสรีระ หมดปัญหาเรื่องอาการปวดหลัง เพื่อให้คุณมีความสุขในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนทุกค่ำคืนอย่างแท้จริง



COPYRIGHT 2022. INDEX LIVING MALL. ALL RIGHTS RESERVED.