4 STEPS การซื้อโต๊ะทำงานออฟฟิศให้นั่งทำงานได้เพลิน ๆ ไม่มีปวดหลัง
จะเริ่มต้นปีใหม่ให้ดีต้องเริ่มที่การทำงาน ซึ่งไม่เพียงแต่จะจัดการเวลาทำงานให้มี Work-Life Balance ให้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น แต่ในยุค COVID-19 ที่ต้องกลับมาทำงานที่บ้านต่อเนื่องยาว ๆ และไม่มีท่าทีว่าจะได้กลับออฟฟิศแบบเต็มที่แบบนี้ การดูแลสุขภาพร่างกายไปพร้อมกับการทำงานก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ ซึ่งสำหรับใครที่เลือกเก้าอี้ที่เหมาะกับการทำงานไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็ถึงเวลามาทำความรู้จักเคล็ดลับการเลือกโต๊ะทำงานออฟฟิศอย่างไรให้ไกลจากออฟฟิศซินโดรมกัน บอกเลยว่าเลือกโต๊ะเสร็จ สามารถนั่งทำงานได้ยาว ๆ ไม่มีปัญหาปวดคอ บ่า ไหล่ หลังให้กวนใจอีกด้วย แต่จะเลือกอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!
STEP 1 : ดูความสูงก่อน
หลายคนอาจมองว่า โต๊ะผู้บริหาร หรือโต๊ะทำงานออฟฟิศแบบไหน ๆ ก็มีความสูงเหมือนกันทั้งนั้น ดังนั้น จะเลือกโต๊ะแบบไหนก็ไม่น่ามีปัญหาสุขภาพตามมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว โต๊ะทำงานที่ดีและเหมาะสมกับสรีระของคนเรานั้นควรมีความสูงอยู่ที่ 70 - 85 เซนติเมตร ซึ่งหากใครมีรูปร่างที่เล็กก็อาจเหมาะกับโต๊ะขนาด 70 - 75 เซนติเมตร แต่สำหรับใครที่มีความสูงมากหน่อย โต๊ะที่มีความสูงระหว่าง 80 - 85 เซนติเมตรก็อาจตอบโจทย์ได้มากกว่า
แต่สำหรับใครที่อยากได้โต๊ะทำงานออฟฟิศที่ตรงกับส่วนสูงของเราพอดี Index Living Mall ก็มีสูตรการคำนวณความสูงโต๊ะง่าย ๆ มาฝาก ซึ่งก็คือ
ความสูงของโต๊ะ = ความสูงของผู้ใช้ (cm.) x 75 cm.175 cm. |
เช่น หากตอนนี้ความสูงของเราอยู่ที่ 160 เซนติเมตร ความสูงของโต๊ะที่เหมาะสมก็คือ (160 x 75) ÷ 175 = 68.5 เซนติเมตร หรือหากมองหาโต๊ะทำงานตามร้านขายเฟอร์นิเจอร์ก็ควรเลือกโต๊ะความสูงประมาณ 70 เซนติเมตรนั่นเอง
อย่างไรก็ดี หากใครต้องการโต๊ะที่สามารถปรับระดับความสูงให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหรือยืนทำงาน การซื้อโต๊ะทำงานออฟฟิศแบบปรับระดับได้ หรือโต๊ะทำงานปรับระดับไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการ แถมยังช่วยดูแลเรื่องสุขภาพเพราะเหมาะสมกับสรีระและความต้องการของเราอีกด้วย
STEP 2 : เลือกความกว้างโต๊ะทำงานออฟฟิศให้เหมาะ
หากเลือกความสูงของโต๊ะให้เหมาะกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการพิจารณาเลือกความกว้างของโต๊ะให้เหมาะสมนั่นเอง ซึ่งหากบ้านใครอยู่ใกล้กับร้านขายเฟอร์นิเจอร์ เรามีเคล็ดลับการลองโต๊ะมาฝาก โดยทุกคนสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
- เริ่มจากนั่งตัวตรงก่อน
- จากนั้นค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามาและกางศอกออกให้กว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย
- เสร็จแล้ว ลองค้างไว้สัก 10 วินาที ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป หากทดลองแล้วพบว่าต้องเกร็งคอ ต้องยักบ่า ไหล่ และต้นแขนอยู่ตลอดเวลาก็แปลว่าโต๊ะตัวนี้อาจจะแคบไปสำหรับการทำงาน
แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาไปเลือกซื้อโต๊ะผู้บริหารหรือโต๊ะทำงานเพื่อนำมาใช้งาน เราก็สามารถหาโต๊ะที่มีความกว้างตั้งแต่ 120 เซนติเมตรขึ้นไปมาใช้ทดแทนได้เช่นเดียวกัน เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ที่สามารถวางของได้สะดวกแล้ว ความกว้างของโต๊ะยังอยู่ในระยะที่พอดีกับแขนจนสามารถรับน้ำหนักจากบ่าและไหล่ได้อย่างพอดีอีกด้วย
STEP 3 : เลือกวัสดุหน้าโต๊ะดีมีชัยมากกว่าครึ่ง!
เมื่อเลือกความสูงและความกว้างของโต๊ะเรียบร้อย STEP ต่อไปที่ทุกคนต้องมาพิจารณาก็คือการเลือกหน้าโต๊ะให้เหมาะกับการใช้งานนั่นเอง ซึ่งไม่เพียงแต่จะเน้นรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การเลือกวัสดุหน้าโต๊ะยังต้องคำนึงถึงความทนทานและความปลอดภัยของการใช้งานอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้ว วัสดุที่นำมาทำหน้าโต๊ะทำงานนั้นจะมีด้วยกัน 4 ประเภทหลัก ๆ และจะมีข้อดีและข้อควรระวัง ดังนี้
- ลามิเนตปิดผิว
ข้อดี : โต๊ะทำงานที่ใช้หน้าโต๊ะจากลามิเนตปิดผิวนั้นมีราคาไม่สูงมาก อีกทั้งยังกันน้ำได้เล็กน้อย และทนต่อรอยขีดข่วนเป็นอย่างดี
ข้อควรระวัง : แต่หากทางผู้ผลิตปิดผิวมาไม่เรียบร้อย ขอบโต๊ะและหน้าโต๊ะก็อาจหลุดร่อนและทำให้เสี้ยนตำเข้าผิวหนังได้ และหากวัสดุปิดผิวไม่มีความแข็งแรงมากพอ แดดก็อาจทำให้พื้นผิวกรอบ และน้ำก็อาจซึมเข้าโต๊ะจนเกิดความเสียหายได้
- กระจก
ข้อดี : กระจกถือเป็นอีกหนึ่งวัสดุทำหน้าโต๊ะยอดฮิตสำหรับโต๊ะผู้บริหารและโต๊ะทำงานออฟฟิศเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงแต่จะให้ดีไซน์ที่ดูเรียบหรูเท่านั้น วัสดุอย่างกระจกยังให้สัมผัสการทำงานที่ดีมาก ๆ อีกด้วย
ข้อควรระวัง : แต่อย่างไรก็ดี กระจกเองก็เสี่ยงต่อการบิ่นและแตกมุมได้ในระยะยาว อีกทั้งหากผู้ผลิตเคลือบกระจกไม่ดีก็อาจทำให้มีรอยนิ้วมือเต็มกระจกจนรู้สึกสกปรกและไม่อยากทำงานก็เป็นได้
- ไม้จริง
ข้อดี : ไม้จริงถือเป็นวัสดุพรีเมียมที่ผู้ผลิตหลายคนนำมาใช้ผลิตโต๊ะทำงาน เนื่องจากดีไซน์ลายไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ ที่สามารถให้ความรู้สึกถึงความผ่อนคลายและอบอุ่นในระหว่างทำงานได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวัง : แต่ในปัจจุบันนี้ที่ไม้ประเภทต่าง ๆ หาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าโต๊ะทำงานจากไม้จริงก็ย่อมมีราคาสูงขึ้นมาก อีกทั้งโต๊ะไม้ยังง่ายต่อการขีดข่วน และเสี่ยงบวมน้ำได้ง่ายกว่าหน้าโต๊ะทำงานแบบอื่น ๆ
- เหล็ก
ข้อดี : โต๊ะผู้บริหารหรือโต๊ะทำงานทั่วไปที่มีหน้าโต๊ะจากเหล็กนั้นให้ความรู้สึกแบบยุคเก่าหรือ Old School แถมยังมีความทนทานสูง สามารถใช้งานได้นานหลายปี อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
ข้อควรระวัง : ก่อนเลือกซื้อโต๊ะทำงานที่มีหน้าโต๊ะเป็นเหล็ก อย่าลืมพิจารณาถึงประเภทของเหล็กให้ดี เพราะเหล็กแต่ละประเภทมีความทนทานที่แตกต่างกัน หรือทางที่ดีก็คือควรเลือกหน้าโต๊ะจากเหล็กอย่างแสตนเลสหรืออลูมิเนียมไปเลย
STEP 4 : สุดท้าย! เลือกดีไซน์ให้เข้ากับห้อง
สำหรับ STEP สุดท้าย เมื่อพิจารณาถึงการใช้งานจริงในระยะยาวแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาของการเลือกดีไซน์โต๊ะให้เข้ากับสไตล์ของห้อง โดยทุกคนสามารถเลือกดีไซน์โต๊ะได้ง่าย ๆ โดยวิธีพื้นฐานตามนี้
- ลองดูรอบ ๆ ห้อง จากนั้นให้ลองพิจารณาเลือกคู่สีของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น
- ดูสีของผนังและผ้าม่านประกอบด้วยเพื่อเลือกดีไซน์ของโต๊ะทำงานให้เข้ากับความต้องการ
- เลือกมุมโต๊ะทำงาน หรืออาจตัดสินใจใช้โต๊ะทำงานเข้ามุมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และจัดระเบียบห้องไปพร้อมกัน
ง่าย ๆ เพียง 4 STEPS นี้ทุกคนก็สามารถเลือกซื้อโต๊ะทำงานให้เหมาะกับทั้งสุขภาพกายและตรงกับสไตล์ความเป็นตัวเองได้แล้ว ซึ่งถ้าหากใครยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกโต๊ะผู้บริหาร หรือโต๊ะทำงานอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด Index Living Mall มาพร้อมกับโต๊ะทำงานออฟฟิศหลากสไตล์หลายขนาดเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพและลงตัวในเรื่องของสุขภาพ ทุกคนสามารถเลือกชมโต๊ะที่ใช่ในราคาที่ชอบได้ที่ Index Living Mall ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง